ฉีดฟิลเลอร์คาง
- เขียนโดย : drohadmin
- มีคนอ่านบทความไปแล้ว : 0
- วันที่อัพเดท : 26 March 2025
ฟิลเลอร์คางคืออะไร ? และช่วยปรับรูปหน้าอย่างไรบ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นวิธีเสริมความงามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยปรับรูปหน้าให้ดู
เรียวและสมส่วนมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดบริเวณคางคือสารเดิมเต็มประเกทไฮยาลูโรนิ
ค แอชิต (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว จึงปลอดภัยและ
สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
ฟิลเลอร์คางช่วยปรับรูปหน้าอย่างไรบ้าง ?
1. ปรับคางให้ยาวและเรียวขึ้น
สำหรับผู้ที่มีคางสั้น คางตัด หรือคางไม่สมส่วน การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความยาวของคางให้ดูสมดุล
กับส่วนอื่นของใบหน้า ทำให้หน้าดูเรียวขึ้นในทันทันที
2. แก้ไขปัญหาคางบุ๋ม
หากคุณมีปัญหาคางบุ่ม หรือมีรอยเว้าบริเวณคาง ฟิลเลอร์ช่วยเดิมเต็มพื้นที่เหล่านี้ให้ดูเรียบเนียน และ
ช่วยเพิ่มความมั่นใจในรูปหน้าของคุณ
3. ปรับสมดุลใบหน้า
ฟิลเลอร์คางช่วยให้ใบหน้ามีสมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะส่าหรับผู้ที่มีใบหน้ากว้างหรือกลม การปรับคาง
ให้ได้รูปช่วยสร้างมิติและความคมชัดให้ใบหน้าดูมีเสน่ห์มากขึ้น
4. ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์
การปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์คางสามารถลดความหย่อนคล้อยของผิว ทำให้ใบหน้าดูเด่งดึงและอ่อนวัย
กว่าเดิม
5. ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
การฉีดฟีลเลอร์คางให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนหลังทำทันที โดยไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการผ่าดัด
เสริมคาง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
- เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีแผลและไม่ต้องพักฟื้น
- ใช้เวลาทำไม่นาน ประมาณ 30-60 นาที
- ปรับแต่งได้ง่าย หากไม่พอใจผลลัพธ์สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้
- ฟีลเลอร์ไฮยาลูโรนิค แอซิตมีความปลอดภัยสูงและได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (FDA)
ข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์คาง
1. เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ
ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้คางเสียรูป
เช่น การนอนคว่ำหรือกดทับบริเวณคางในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังทำ
3. ดูแลตัวเองหลังทำ
หลีกเลี่ยงแสงแดดและการสัมผัสบริเวณที่ฉีดแรงๆ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใครบ้าง ?
- ผู้ที่มีคางสั้นหรือคางตัด
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
- ผู้ที่ต้องการแก่ไขปัญหาคางบุ่มหรือคางไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
การฉีดฟีลเลอร์คางเป็นวิธีการเสริมความงามที่สะดวก ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ แต่ควร
ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ หากสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
หรือปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อได้ที่ **[ชื่อคลินิกของคุณ]** เพื่อรับคำแนะนำที่
เหมาะสมกับคุณมากที่สุด !
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คาง : เจ็บไหม? และต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นหนึ่งในหัตการยอดนิยมที่ช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวและได้สัดส่วน โดยไม่
ต้องผ่าตัด หลายคนที่สนใจอาจมีคำถามเกี่ยวกับขั้นตอนการฉีด เจ็บหรือไม่ และควรเตรียมตัวอย่างไร
ก่อนรับบริการ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเดรียมพร้อมได้อย่างมั่นใจก่อนดัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คาง
1. การปรึกษาแพทย์
ขั้นตอนแรกคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญ เพื่อตรวจประเมินรูปหน้าและออกแบบคางที่เหมาะสมกับ
คุณ แพทย์จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่จะใช้ เช่น ประเภท ปริมาณ และผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
2. การเตรียมพื้นที่ฉีด
- แพทย์จะทำความสะอาดบริเวณคาง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
- ในบางกรณี แพทย์อาจทายาชาเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บในระหว่างการฉีด
3. การฉีดฟิลเลอร์
แพทย์จะใช้เข็มหรือเข็มปลายฟู (Cannula) ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในด่าแหน่งที่ออกแบบไว้ โดยการฉีดจะ
ใช้เทคนิคที่ปลอดภัยและแม่นยำ เพื่อให้คางได้รูปทรงตามต้องการ
4. การปรับแต่งฟิลเลอร์
หลังฉีดแพทย์จะปรับแต่งฟิลเลอร์ด้วยการนวดเบาๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ
5. การตรวจเช็คผลลัพธ์เมื่อเสร็จสิ้นการฉีด แพทย์จะตรวจสอบความสมดุลของคางอีกครั้ง หากจำเป็นอาจมีการเติมฟิลเลอร์เพิ่มเติมเล็กน้อย
เจ็บไหม ?
ความเจ็บปวดในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์คางมีน้อยมากเนื่องจาก :
- ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ที่ช่วยลดความเจ็บ
- แพทย์อาจใช้ยาชาทา หรือในบางกรณีใช้ยาชาแบบฉีดเพื่อเพิ่มความสบาย
- การฉีดด้วยเทคนิคเข็มปลายฟู (Cannula) จะลดการบาดเจ็บและความเจ็บปวดได้มากกว่าการใช้เข็มธรรมดา
สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความเจ็บ แพทย์จะช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาเพียง
30 – 60 นาทีเท่านั้น
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
1. หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมบางชนิด
ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin), ไอบูโพรเฟน (Iprofen), และอาหารเสริม
ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา และโสม ประมาณ 7 วันก่อนการฉีด เพื่อลด
ความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ
2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด เพื่อป้องกันการบวมและรอยช้ำที่มากขึ้น
3. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับให้เพียงพอก่อนวันรับบริการช่วยให้ร่างกายพร้อมและลดความเสียงต่อผลข้างเคียง
4. แจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์
หากคุณมีโรคประจำตัว แพ้ยาบางชนิด หรือก่าลังดังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์ก่อนเสมอ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำและการสัมผัสบริเวณที่ฉีดแรงๆ ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้คางโดนความร้อนจัด เช่น การซาวน่าหรือออกกำลังกายหนัก
- หากมีอาการบวมเล็กน้อย สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้
- งดแต่งหน้าและทาครีมในบริเวณคาง 24 ชั่วโมงแรก
การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นหัตถการที่สะดวกและปลอดภัย เมื่อดำเนินการโดยแพทย์ผู้เขียวชาญ ขั้นตอนการฉีดไม่ยุ่งยาก และความเจ็บปวดมีน้อยมาก ทั้งนี้ การเตรียมตัวก่อนและดูแลหลังฉีดเป็นสิ่งส่าคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยและอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์คาง และข้อควรระวังเพื่อคงผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรรมชาติ การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นวิธีที่รวดเร็วและปลอดภัยในการปรับรูปหน้าให้เรียวสวยได้รูป แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นานที่สุด การดูแลตัวเองหลังฉีดเป็นสิ่งส่าคัญมาก บทความนี้จะอธิบาย
ถึงวิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์คาง และข้อควรระวังเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่กับคุณได้นานที่สุด
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณคาง
ห้ามนวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้
ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือเสียรูปทรง
2. งดนอนคว่ำและใช้หมอนสูง
ในช่วง 2-3 วันแรก ควรนอนหงายและใช้หมอนหนุนศีรษะให้อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าปกติ เพื่อลด
อาการบวมและป้องกันการกดทับบริเวณคาง
3. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
หากมีอาการบวมเล็กน้อยหลังฉีด สามารถประคบเย็นเบาๆ ที่บริเวณรอบคาง แต่ควรหลีกเลียงการกดลงไปที่จุดฉีดโดยตรง
4. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
งดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น การออกกำลังกายหนัก หรือการใช้ห้องชาวน่า ในช่วง 48
ชั่วโมงแรกหลังฉีด เพราะความร้อนและเหงื่ออาจส่งผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์
5. งดแต่งหน้าบริเวณคาง
หลีกเลี้ยงการแต่งหน้าและทาดรีมบริเวณคางในวันแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ฟื้นตัวได้เต็มที่
6. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และอาหารรสจัด
ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และอาหารที่มีรสเผ็ดจัดหรือเต็มจัดในช่วง 1-2 วันแรก เพราะอาจทำให้อาการ
บวมเพิ่มขึ้น
7. ติดตามผลกับแพทย์
ควรเข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์และประเมินความสมดุลของฟิลเลอร์ หากมีข้อสงสัย
หรืออาการผิดปกติ เช่น อาการบวมแดงหรือปวดมากผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
ข้อควรระวังเพื่อคงผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
1. หลีกเลี่ยงความร้อนสูง
หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับความร้อนสูง เช่น การอาบน้ำร้อน การทำเลเซอร์ หรือ
การอบซาวน่าในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
ฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูโรนิค แอชิด (HA) จะดูดซับน้ำเพื่อช่วยคงความชุ่มชื้นของผิว การดื่มน้ำให้
เพียงพอจึงช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวและผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น
3. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
การสูบบุหรี่สามารถเร่งการเสื่อมสภาพของฟิลเลอร์และทำให้ผลลัพธ์ไม่คงทน ควรลดหรือเลิกสูบบุหรี่
เพื่อรักษาผลลัพธ์และสุขภาพผิวในระยะยาว
4. ป้องกันการเกิดแสงแดดโดยตรง
ควรทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง เพราะรังสียูวีอาจทำให้ผิวบริเวณที่ฉีด
ฟีลเลอร์อ่อนแอลงและเกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา
5. หลีกเลี่ยงการทำหัตถการเพิ่มเติมในระยะเวลาใกล้เคียง
หากต้องการทำหัตถการอื่น เช่น เลเซอร์ ร้อยไหม หรือทรีตเมนด์ใดๆ ควรปรึกษาแพทย์และเว้นระยะยะ
เวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ฟิลเลอร์ได้รับผลกระทบ
การรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์คางสามารถอยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของฟิลเลอร์และการดูแลหลังฉีด หาก
ต้องการให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน ควรปฏิบัติตามคำแนะน่าของแพทย์อย่างเคร่งครัด และเข้ารับการเดิม
ฟิลเลอร์เมื่อจำเป็นการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์คางเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรรมชาติและอยู่ได้นานที่สุด ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็ว เช่น ความร้อนสูง การสัมผัสแรงๆ หรือการดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ การปฏิบัติตามคำแนะน่าของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความเสียงของของผลข้างเคียงและช่วยให้คุณมีคางที่สวยได้รูปสมใจ