ฟิลเลอร์ใต้ตา
- เขียนโดย : drohadmin
- มีคนอ่านบทความไปแล้ว : 0
- วันที่อัพเดท : 26 March 2025
ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร ? เหมาะกับปัญหาแบบไหน ?
ฟิลเลอร์ได้ตา เป็นหนึ่งในวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถแก้
ปัญหาบริเวณใต้ตาได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสารไฮยาลูรอนิค แอซิต
(Hyaluronic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร ?
ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาดังต่อไปนี้
1. ใต้ตาคล้า : เกิดจาการพักผ่อนไม่เพียงพอ การไหลเวียนโลหิตไม่ดี หรือปัจจัยทางพันธุกรรม
2. ร่องลึกใต้ตา : มักพบในผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้นหรือมีโครงสร้างกระดูกใต้ตาที่ลึก
3. ถุงใต้ตา : ช่วยลดความเด่นชัดของถุงใต้ตา ทำให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น
4. ผิวใต้ตาไม่เรียบเนียน : ฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มให้ผิวเรียบเนียนและกระชับขึ้น
ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำเสร็จ : คุณสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที และผลลัพธ์จะชัดเจน
ขึ้นใน 1-2 สัปดาห์
2. ไม่ต้องผ่าตัด : การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ไม่ต้องพักฟื้นยาว
3. แก้ปัญหาใต้ตาอย่างครอบคลุม : ช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดรอยคล้ำ และปรับรูปทรงใต้ตา
4. ความปลอดภัยสูง : หากเลือกฟิลเลอร์ที่มีมาตรฐานและฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. ปรึกษาแพทย์ : แพทย์จะประเมินปัญหาใต้ตาและแนะนำชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
2. เตรียมผิว : ทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชาเพื่อลดความเจ็บ
3. ฉีดฟิลเลอร์ : ใช้เข็มหรือแคนูล่าในการฉีดฟิลเลอร์ลงในชั้นผิวหนัง
4. การดูแลหลังฉีด : งดนวดบริเวณที่ฉีด งดดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการโดนความร้อน
ข้อควรระวัง
- เลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน
- หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจากอย.
- หากมีอาการบวมแดงหรือช้ำ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
คำแนะนำก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ก่อนฉีด : หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือวิตามินบางชนิด
- หลังฉีด : หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การนอนคว่ำ หรือการสัมผัสบริเวณที่ฉีด
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นตัวเลือกที่เหมาะส่าหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตาและเพิ่มความมั่นใจให้กับ
ใบหน้า หากสนใจ ควรเลือกปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปัญหาและเลือกการรักษาที่เหมาะสม
ที่สุด
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : เตรียมตัวอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฟิลเลอร์ใต้ดา เป็นวิธีการเสริมความงามที่ช่วยแก้ปัญหาร่องลึกใต้ดา รอยคล้ำ และถุงใต้ตาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสียงที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมตัวก่อนและ
ดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญ
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์
- แพทย์จะทำการประเมินสภาพปัญหาใต้ตาของคุณ และเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
- แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว หรือยาที่ใช้อยู่ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาด้านการอักเสบ หรือ
อาหารเสริมบางชนิด
2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาและอาหารเสริมบางชนิด
- ควรหยุดใช้ยาประเภทแอสไพริน ไอบุโพรเฟน วิตามินอี และอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของน้ำมันปลา (Fish Oil) อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำ
3. งดแอลกอฮอล์และบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มโอกาสเกิดรอยช้ำ
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
- การพักผ่อนอย่างเต็มที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและลดความเสียงต่อการบวมหลังฉีด
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. การเตรียมผิวบริเวณใต้ตา
- แพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าและบริเวณที่จะฉีดเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- ทายาชาหรือใช้ยาชาฉีดเฉพาะจุดเพื่อลดความเจ็บ
2. การฉีดฟิลเลอร์
- แพทย์จะใช้เข็มหรือแคนูล่าฉีดฟิลเลอร์เข้าสู่ชั้นผิวอย่างระมัดระวัง
- ระยะเวลาในการฉีดมักใช้เวลาเพียง 15-30 นาที
3. การตรวจสอบผลลัพธ์
- หลังฉีดเสร็จ แพทย์จะตรวจสอบความเรียบเนียนของผิวบริเวณใต้ตา และทำกาการปรับแต่งเล็กน้อยหากจำเป็น
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีด
- ไม่ควรนวดหรือกดแรงบริเวณใต้ตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มความร้อน
- งดการซาวน่า การอบไอน้ำ หรือกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสความร้อนสูงเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
3. ดื่มน้ำมากๆ
- การดื่มน้ำช่วยให้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารไฮยาลูรอนิค แอชิตทำงานได้ดีขึ้น
4. สังเกตอาการผิดปกติ
- หากพบว่ามีอาการบวมแดงหรือปวดผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์
ข้อควรระวัง
- เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. เท่านั้น
- ฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์และได้รับใบอนุญาต
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ไม่มีมาตรฐานหรือผู้ที่ไม่ใช่แพทย์
การฉีดฟิลเลอร์ได้ตาเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน หากเตรียมด้วอย่างเหมาะสมและปฏิบัติ
ตามคำแนะนำของแพทย์ การเตรียมตัวตัวก่อนและดูแลหลังการฉีดจะช่วยลดความเสียงและเพิ่ม
ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ ทำให้คุณมีใบหน้าที่สดใสและอ่อนเยาว์ได้อย่างมั่นใจ
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา และข้อควรระวังเพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีเสริมความงามที่ช่วยลดร่องลึกใต้ตา ปรับความเรียบเนียน และแก้ปัญหาถุงใต้ตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ใด้อยู่ได้นานและลดความเสียงที่อาจเกิดขึ้น การดูแลด้ว
เองหลังการฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญ
การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณใต้ตา
- ห้ามนวด กด หรือสัมผัสแรงๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่หรือกระจายผิดตำแหน่ง
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในบริเวณใต้ตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
2. หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมที่เพิ่มการไหลเวียนเลือด
- งดการเข้าซาวน่า การอบไอน้ำ หรือการโดนแสงแดดแรงๆ ประมาณ 48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมและฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
3. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม
- ใช้ผ้าสะอาดห่อเจลเย็นหรือประคบเย็นเบาๆ ในบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำ
4. ดื่มน้ำมากๆ
- การดื่มน้ำช่วยให้ฟิลเลอร์ที่เป็นสารไฮยาลูรอนิค แอซิต (Hyaluronic Acid) ท่างานได้ดีขึ้น โดยการดูดซับน้ำมาทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและเรียบเนียน
5. พักผ่อนให้เพียงพอ
- การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วและลดอาการบวมใต้ตา
6. งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่รุนแรง
– หลีกเลี่ยงครีมบำรุงที่มีสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA หรือ Retinol ในช่วง 3-5 วันแรกหลังฉีด
ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
1. สังเกตอาการผิดปกติ
- หากมีอาการบวมแดง รอยซ่าที่ไม่หายภายใน 3-5 วัน หรืออาการปวดที่รุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
2. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์และสุบบหรี่สามารถส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด ทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
3. ไม่ควรนอนคว่ำหน้า
- การนอนคว่ำอาจทำให้ฟิลเลอร์ถูกกดทับและเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม
4. หลีกเลียงการบินในช่วง 1-2 วันแรก
- ความกดอากาศในเครื่องบินอาจเพิ่มโอกาสการบวมหลังฉีดได้
เคล็ดลับเพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน
1. ดูแลสุขภาพผิวอย่างต่อเนื่อง
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมและเน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวใต้ตา
2. ป้องกันแสงแดด
- ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เสื่อมเร็วจากแสงยูวี
3. ติดตามผลกับแพทย์
- เข้ารับการตรวจติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ตามคำแนะน่าของแพทย์
4. หลีกเลี่ยงการใช้ฟิลเลอร์ราคาถูกหรือไม่มีมาตรฐาน
- หากต้องการเดิมฟิลเลอร์เพิ่มเติม ควรเลือกแพทย์และคลินิกที่ได้มาตรฐานเสมอ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ฟิลเลอร์คงประสิทธิภาพและอยู่ได้นาน
การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงการใช้ชีวิตที่ส่งเสริมสุขภาพผิว จะช่วยให้คุณ
ได้รับผลลัพธ์ที่สวยและยาวนาน
หากคุณกำลังมองหาบริการฉีดฟิลฟิลเลอร์ได้ตาที่ปลอดภัย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ติดต่อ [Dr.oh Clinic) เพื่อรับคำปรึกษาฟรี !