Aesthfill คืออะไร?
- เขียนโดย : drohadmin
- มีคนอ่านบทความไปแล้ว : 0
- วันที่อัพเดท : 24 March 2025
AestheFill คือสารเติมเต็มที่ใช้ในทางการแพทย์เพื่อการปรับปรุงและเติมเต็มผิวที่หย่อนคล้อยหรือมีริ้วรอย โดยมีส่วนประกอบหลักคือสาร Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ภายในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขั้น
AestheFill แตกต่างจากสารเติมเต็มทั่วไป (เช่น Hyaluronic Acid หรือ HA) จะไม่ได้ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด แต่จะค่อยๆกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกาย ทำให้ผิวหน้ายกกระชับและดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้นในระยะยาว และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานหลายเดือนถึง 1 ปี
หลักการทำงานของ AestheFill
หลักการทำงานของ AestheFill นั้นจะเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติในผิวหนังโดยใช้สาร Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและย่อยสลายได้ในร่างกาย หลักการทำงานของ AestheFill มีดังนี้:
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน: เมื่อฉีด AestheFill เข้าไปใต้ผิวหนัง PLLA จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในบริเวณที่ได้รับการฉีด การสร้างคอลลาเจนนี้จะช่วยเติมเต็มพื้นที่ที่มีการสูญเสียความยืดหยุ่นหรือมีริ้วรอย ทำให้ผิวดูกระชับและเรียบเนียนมากยิ่งขั้นขึ้น
- การกระจายตัวในผิว: AestheFill จะกระจายตัวในชั้นผิวหนังที่ลึกลงไป เพื่อเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ภายร่างกายสร้างโครงสร้างคอลลาเจนที่แข็งแรงขึ้น กระบวนการนี้ช่วยเติมเต็มพื้นที่ที่ผิวเริ่มหย่อนคล้อยหรือสูญเสียความยืดหยุ่น
- ผลลัพธ์ในระยะยาว: ต่างจากฟิลเลอร์ประเภทอื่น ๆ ที่ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด AestheFill จะไม่ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด แต่จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นภายในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์หลังการฉีด เนื่องจากการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกายต้องใช้เวลา ผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นและอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
- สลายไปเองตามธรรมชาติ: PLLA จะค่อย ๆ ถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกายตามธรรมชาติหลังจากทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีสารตกค้างภายในร่างกาย
AestheFill จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงผิวพรรณในระยะยาว โดยไม่ต้องทำการศัลยกรรม
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ AestheFill
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ AestheFill เพื่อเตรียมตัวและทำความเข้าใจการทำงานของการรักษานี้
- กระบวนการทำงาน
AestheFill ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังจากฉีด เนื่องจากเป็นสารที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ดังนั้นผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏภายในช่วงระยะเวลา 4-6 สัปดาห์หลังการฉีด และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลาหลายเดือน
- ระยะเวลาผลลัพธ์
ผลลัพธ์จากการใช้ AestheFill จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของร่างกายและการดูแลหลังการรักษา ทำให้ AestheFill เป็นตัวเลือกที่มีความยั่งยืนในระยะยาว
- การฉีดหลายครั้ง
อาจจำเป็นต้องทำการฉีด AestheFill หลายครั้ง (1-3 ครั้ง) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยแพทย์จะทำการประเมินและแนะนำตามความเหมาะสมของสภาพผิวแต่ละบุคคล
- บริเวณที่เหมาะสม
AestheFill เหมาะสำหรับการเติมเต็มในบริเวณที่มีการสูญเสียปริมาตรของใบหน้า เช่น แก้ม ขมับ หรือบริเวณคาง รวมถึงการรักษาผิวที่มีริ้วรอยหรือหย่อนคล้อย
- การฟื้นฟูผิว
การใช้ AestheFill ไม่ได้เพียงแค่ช่วยเติมเต็มผิวเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
- การเตรียมตัวก่อนการฉีด
ควรหลีกเลี่ยงการทานยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือวิตามินอี ก่อนทำการฉีด 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำหรืออาการบวม
- ผลข้างเคียง
อาจเกิดรอยบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีดได้ภายใน 1-2 วันแรก แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเอง ในบางกรณีอาจเกิดก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนังซึ่งเป็นผลจากการสะสมของสาร PLLA ซึ่งแพทย์จะทำการนวดหลังฉีดเพื่อช่วยกระจายสารให้สม่ำเสมอ
- การดูแลหลังการฉีด
ควรนวดบริเวณที่ฉีดเบาๆ วันละ 5 นาที เป็นเวลา 5 วัน เพื่อช่วยกระจายตัวของสารและป้องกันการเกิดก้อน หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดจ้า และการทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณที่ฉีดในช่วงแรกหลังการรักษา
การทำ AestheFill เป็นการดูแลผิวที่มีความปลอดภัยและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย แต่ควรทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
AestheFill ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง?
AestheFill สามารถฉีดในหลายตำแหน่งบนใบหน้าและร่างกายที่มีปัญหาการสูญเสียปริมาตรและการหย่อนคล้อยของผิวได้ โดยทั่วไปแล้วตำแหน่งที่นิยมฉีด AestheFill ได้แก่
- แก้ม (Cheeks) ใช้ในการเติมเต็มแก้มที่หย่อนคล้อยหรือมีการสูญเสียปริมาตร ทำให้ใบหน้าดูเต็มและยกกระชับมากขึ้น
- ขมับ (Temples) ช่วยเติมเต็มขมับที่ลึกหรือยุบตัว ทำให้ใบหน้าดูสมดุลและอ่อนเยาว์ขึ้น
- ร่องแก้ม (Nasolabial Folds) ช่วยลดเลือนร่องแก้มลึกที่เกิดจากการสูญเสียปริมาตรใต้ผิวหนัง ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนวัยขึ้น
- คาง (Chin) ใช้เติมเต็มหรือปรับรูปคางให้สวยงามและสมส่วนมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ใบหน้ามีความยาวและคมชัด
- กรอบหน้า (Jawline) ช่วยยกกระชับบริเวณกรอบหน้าและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ทำให้กรอบหน้าชัดเจนและใบหน้าดูมีโครงสร้างที่ดีขึ้น
- คอ (Neck) ช่วยกระชับผิวบริเวณลำคอที่มีความหย่อนคล้อยหรือริ้วรอย ทำให้ผิวดูกระชับและเรียบเนียนขึ้น
- มือ (Hand) สามารถใช้ AestheFill ในการเติมเต็มมือที่เริ่มมีความเหี่ยวย่นหรือเส้นเลือดและกระดูกเด่นชัด เพื่อคืนความเรียบเนียนให้แก่ผิว
AestheFill มักถูกใช้ในบริเวณที่มีการสูญเสียปริมาตรของไขมันใต้ผิวหนังและเนื้อเยื่อ ซึ่งเมื่อฉีดแล้วจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเต็มและอ่อนเยาว์ขึ้น
AestheFill อยู่ได้นานแค่ไหน?
AestheFill เป็นสารที่ให้ผลลัพธ์ในระยะยาว โดยทั่วไปผลลัพธ์จากการฉีด AestheFill สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- สภาพผิวของผู้เข้ารับการรักษา ผู้ที่มีสภาพผิวที่ดีและมีคอลลาเจนธรรมชาติในปริมาณสูงอาจเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าคนที่มีปัญหาผิวพรรณมาก
- จำนวนครั้งในการฉีด หากได้รับการฉีดซ้ำตามที่แพทย์แนะนำ (เช่น 1-3 ครั้งต่อคอร์ส) ผลลัพธ์จะยิ่งยาวนานขึ้นเนื่องจากคอลลาเจนจะถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
- การดูแลหลังการฉีด การดูแลผิวหลังการฉีด เช่น การนวดตามที่แพทย์แนะนำ และการหลีกเลี่ยงแสงแดดมากเกินไป จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้น
- ปริมาณที่ใช้ ปริมาณของ AestheFill ที่ฉีดในแต่ละครั้งจะมีผลต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ด้วย ยิ่งใช้ปริมาณที่เหมาะสมและกระจายอย่างดี ผลลัพธ์จะยิ่งมีความยาวนานขึ้นเนื่องจาก AestheFill กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและยาวนานมากกว่าการใช้ฟิลเลอร์ประเภทอื่นที่เน้นผลลัพธ์ในทันที
AestheFill กับฟิลเลอร์อันไหนดีกว่ากัน
การเปรียบเทียบ AestheFill กับ ฟิลเลอร์ (Hyaluronic Acid – HA Fillers) ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการรักษาและความต้องการของผู้เข้ารับการรักษา ทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติและข้อดีต่างกันไป ดังนี้:
AestheFill
- ส่วนประกอบหลัก Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย
- การทำงาน AestheFill จะไม่ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด แต่จะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้นในระยะยาว
- ระยะเวลาของผลลัพธ์ ผลลัพธ์จาก AestheFill สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี
- เหมาะสำหรับ การแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่มีการสูญเสียปริมาตรและต้องการการกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว เช่น บริเวณแก้ม ขมับ คาง ร่องแก้ม และคอ
ข้อดี
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ทั่วไป
ข้อเสีย
- ไม่เห็นผลทันที ต้องใช้เวลา 4-6 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผลชัดเจน
- อาจต้องการการฉีดหลายครั้งในช่วงแรก
ฟิลเลอร์ (HA Fillers)
- ส่วนประกอบหลัก Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในร่างกายและสามารถเก็บกักน้ำ ทำให้ผิวดูชุ่มชื้นและเต็มขึ้น
- การทำงาน ฟิลเลอร์ HA ให้ผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด โดยสามารถเติมเต็มบริเวณที่ต้องการได้ทันที ทำให้ผิวดูเต่งตึงและเรียบเนียน
- ระยะเวลาของผลลัพธ์ ฟิลเลอร์ HA สามารถคงอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และบริเวณที่ฉีด
- เหมาะสำหรับ การเติมเต็มร่องลึก เติมปริมาตร หรือปรับรูปหน้าในบริเวณที่ต้องการการแก้ไขทันที เช่น ร่องแก้ม ริมฝีปาก ใต้ตา คาง และจมูก
ข้อดี
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีด
- สามารถแก้ไขหรือละลายฟิลเลอร์ได้หากไม่พอใจในผลลัพธ์
- เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าและแก้ปัญหาในบริเวณที่ต้องการผลลัพธ์เร็ว
ข้อเสีย
- ผลลัพธ์อยู่ได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ AestheFill
- ต้องฉีดซ้ำบ่อยครั้งกว่า
สรุป
AestheFill เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อแก้ปัญหาผิวที่หย่อนคล้อย ซึ่งต้องใช้เวลาในการเห็นผล
ฟิลเลอร์ HA เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันทีและต้องการปรับรูปหน้าเฉพาะจุด เช่น เติมร่องแก้ม เติมปาก หรือลบถุงใต้ตา การเลือกว่าจะใช้ AestheFill หรือฟิลเลอร์ ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด