Filler
- เขียนโดย : drohadmin
- มีคนอ่านบทความไปแล้ว : 0
- วันที่อัพเดท : 30 January 2025
ฟิลเลอร์คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารที่ใช้ฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิวหนังเพื่อเติมเต็มหรือทำให้บริเวณต่างๆมีวอลลุ่มขึ้นมา ใช้บนส่วนต่างๆของใบหน้า ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบันเป็น กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวดูอิ่มน้ำ แต่งตึง และกระจ่างใส
ชื่อทางโมเลกุนของฟิลเลอร์
- Hyaluronic Acid (HA)
เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง และสามารดูดซึมได้โดยร่างกาย
- Calcium Hydroxylapatite (CaHA)
สารนี้มักใช้เพื่อเพิ่มปริมาตรให้กับใบหน้า โดยจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณที่ฉีด
- Poly-L-lactic Acid (PLLA)
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนระยะยาว มักใช้สำหรับการเติมเต็มบริเวณร่องลึกหรือการปรับรูปหน้า
- Polymethylmethacrylate (PMMA)
เป็นสารที่มีลักษณะคงทนถาวรกว่าแบบอื่น แต่มีการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์
1.ประเภทของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์มีหลายประเภทและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันบางประเภทใช้สำหรับเติมเต็มร่องลึกเช่นร่องแก้มหรือบางประเภทใช้เพื่อเป็นเติมเต็มให้กับริมฝีปาก หรือบางประเภทใช้เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้กับริมฝีปากหรือแก้มการเลือกใช้ฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับขนาดบริเวณที่ต้องการและผลลัพธ์ที่ผู้เข้าบริการต้องการ
2 ความปลอดภัย
การฉีดฟิลเลอร์ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้เช่นอาการบวมช้ำหรือการฉีดเข้าหลอดเลือดซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยมักจะเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3 อายุของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ชนิด HA จะอยู่ในร่างกายประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณที่ฉีดและบริเวณที่ฉีด ส่วนฟิลเลอร์ประเภทอื่นเช่น PLLA และ CaHA สามารถอยู่ได้นานขึ้นเป็นปี
4 กระบวนการฉีด
การฉีดฟิลเลอร์เป็นกระบวนการที่ไม่ต้องใช้ระยะเวลานานหลังจากการฉีดซึ่งจะมีอาการบวมเล็กน้อยและจะลดลงภายในไม่กี่วัน
5 การปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด
ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินใบหน้าและกำหนดแผนการรักษาที่เหมาะสมการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในวิธีเสริมความงามที่ได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถปรับปรุงลักษณะของใบหน้าได้อย่างรวดเร็วและไม่ต้องผ่าตัด ข้อสำคัญคือการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและการฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท
ประเภทของฟิลเลอร์สามารถแบ่งตามชนิดของสารที่ใช้และคุณสมบัติที่แตกต่างกันโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆดังนี้
- กรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid – HA)
- คุณสมบัติ : เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเพราะเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมีความสามารถในการกักเก็บน้ำและเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว
- การใช้งาน : ใช้สำหรับเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก ปรับรูปหน้า เพิ่มความอิ่มให้กับริมฝีปากแก้ม และใต้ตา
- ระยะเวลาที่อยู่ได้ : ประมาณ 6-18 เดือนขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและชนิดของฟิลเลอร์
- ตัวอย่างยี่ห้อ : Juvederm, Restylane, Belotero
- แคลเซียมไฮดรอกซีแอปาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite – CaHA)
- คุณสมบัติ : เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในกระดูกของมนุษย์ สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังได้ทำให้ผิวดูแน่นกระชับขึ้น
- การใช้งาน : มักใช้สำหรับการเติมเต็มร่องลึกเช่นร่องแก้มหรือใช้เพิ่มวอลลุ่มที่โครงหน้า
- ระยะเวลาที่อยู่ได้ : ประมาณ 12-18 เดือน
- ตัวอย่างยี่ห้อ : Radiesse
- โพลี-แอล-แลคติก แอซิด (Poly-L-lactic Acid – PLLA)
- คุณสมบัติ : เป็นสารสังเคราะห์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวเมื่อฉีดเข้าไปจะไม่ทำหน้าที่เป็นฟิลเลอร์ในทันทีแต่จะไปกระตุ้นการผลิตและสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง
- การใช้งาน : ใช้สำหรับการเติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปหน้าเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
- ระยะเวลา : อยู่ได้นานถึง 2 ปี
- ตัวอย่างยี่ห้อ : Sculptra
- โพลีเมทิลเมทาคริเลต (Polymethylmethacrylate – PMMA)
- คุณสมบัติ : เป็นฟิลเลอร์กึ่งถาวรสสารนี้ประกอบด้วยเม็ดพลาสติกขนาดเล็กที่ไม่สามารถดูดซึมได้โดยจะทำหน้าที่เป็นส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนของร่างกาย
- การใช้งาน : มักใช้ในการเติมเต็มร่องลึกมากๆหรือใช้เสริมในบริเวณที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนานเช่นริมฝีปาก
- ระยะเวลา : ที่อยู่ได้ อยู่ได้ยาวนานหลายปีหรือถาวรแต่จะต้องฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเนื่องจากมีความซับซ้อนในการใช้งาน
- ตัวอย่างยี่ห้อ : Bellafill
การเลือกใช้ฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย เช่น บริเวณที่ต้องการเติมเต็ม ผลลัพธ์ที่ต้องการ ระยะยาว และความปลอดภัยในการใช้ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการ
ฉีดฟิลเลอร์ตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
- ร่องแก้ม (Nasolabial Folds)
ฟิลเลอร์สามารถฉีดเติมเต็มร่องแก้มลึกที่เกิดจากการยุบตัวของผิวและไขมันทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ใต้ตา (Tear Troughs)
ฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตาหรือเบ้าตาลึกทำให้ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าและมีอายุมากขึ้นสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
- ริมฝีปาก (Lips)
ฟิลเลอร์ใช้ในการเพิ่มความอวบอิ่มปรับรูปทรงริมฝีปากให้ดูมีมิติรวมถึงแก้ไขปัญหาริมฝีปากบางหรือไม่สมมาตรได้อีกด้วย
- คาง (Chin)
ใช้ฟิลเลอร์ปรับรูปทรงคางให้ดูเรียวและยาวขึ้นตามสัดส่วนที่เหมาะสมช่วยเสริมสร้างให้ใบหน้าโดยสมดุลมากขึ้น
- แก้ม (Cheeks)
ฟิลเลอร์สามารถเพิ่มปริมาตรที่แก้มให้ดูเต็มและยกกระชับใบหน้าได้ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนวัยและมีมิติมากขึ้น
- ขมับ (Temples)
การเติมเต็มขมับที่ยุบหรือแปลนช่วยปรับให้รูปหน้าดูเต็มและสมดุลขึ้น
- จมูก (Nose)กรอบหน้า (Jawline)
ฟิลเลอร์สามารถใช้เพื่อปรับรูปจมูกให้ดูโดดเด่นขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือแก้ไขปัญหาสะพานจมูกแบนหรือจมูกที่ไม่ได้ลูก
- กรอบหน้า (Jawline)
การฉีดบริเวณกรอบหน้าช่วยปรับสมดุลระหว่างหน้าและในจุดที่ไม่มั่นใจได้
การเตรียมตัวก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์มีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความเสี่ยงของผลข้างเคียงน้อยตามลงไปจึงควรปฏิบัติตัวตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้
คำแนะนำก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
เรื่องแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์เพื่อประเมินสภาพผิวและรูปหน้าก่อนตัดสินใจทำและกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสมในการฉีด
- หยุดการใช้ยาบางชนิด
หยุดการใช้ยาที่มีผลทำให้เลือดแข็งตัวช้าลงเช่นแอสไพรินวิตามินอีน้ำมันตับปลาหรือยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น ไอบูโพรเฟนอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยฟกช้ำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
ควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนทำเพื่อป้องกันการอักเสบและลดความเสี่ยงจากการเกิดรอยบกช้ำ
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการทางผิวหนัง
หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์การขัดผิวการทำทรีทเม้นท์หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีแรงๆในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ก่อนทำ
- เตรียมผิวให้สะอาด
ล้างหน้าด้วยน้ำยาทำความสะอาดอ่อนโยนเพื่อให้ผิวสะอาดและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
คำแนะนำหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีด
ยานวดหรือกดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใน 24 ชั่วโมงแรกเพื่อให้ฟิลเลอร์สามารถคงรูปในตำแหน่งที่ต้องการได้ดี
- ในเรื่องความร้อนและการออกกำลังกายหนัก
หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนเช่นกันไปซาวน่าการตากแดดแรงๆหรือการออกกำลังกายในขณะที่ทำให้เลือดสูบฉีดเร็วใน 48 ชั่วโมงแรกก็อาจทำให้เป็นเลือดเคลื่อนย้ายและเกิดการบวมช้ำได้
- ดื่มน้ำมากๆ
การดื่มน้ำช่วยให้ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid ทำงานได้ดีขึ้นเนื่องจากเป็นเลือดประเภทนี้จะดูดซึมน้ำเพื่อเพิ่มปริมาตรวอลลุ่ม
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง
ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและช่วยลดอาการบวมช้ำหลังการฉีด
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
เช่นเดียวกับก่อนทำคนหรือเรื่องแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่หลังฉีดฟิลเลอร์เพื่อลดอาการอักเสบช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่น
- ติดตามผลและกลับไปพบแพทย์
หากมีอาการบวมช้ำมากเกินไปมีความผิดปกติอื่นๆควรกลับไปปรึกษาแพทย์เพื่อนรับคำแนะนำและเข้าหลักการตรวจเช็คผลลัพธ์หลังฉีดตามกำหนด
ดร. โอ้ คลินิกน่าน ให้บริการด้านผลิตภัณฑ์การฉีดฟิลเลอร์ทุกประเภทเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยลูกค้าสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์ประเมินปริมาณฟิลเลอร์ที่จะใช้บนใบหน้าเพื่อการปรับรูปหน้าที่เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด
ราคาฟิลเลอร์ที่ Dr.OH Clinic มีให้เลือกหลากหลายราคาหลากหลายยี่ห้อตามความต้องการของแต่ละบุคคลหมอโอ้และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถที่จะออกแบบพร้อมเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับงบประมาณของลูกค้าแต่ละท่านพร้อมกับโปรโมชั่น ส่วนลด มากมายที่ได้จัดขึ้นในแต่ละเดือน นอกจากราคาจะคุ้มค่าแล้วยังตามมาด้วยความปลอดภัยเพราะทุกผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้บอกโอ้จะคัดสรรและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อให้ผลลัพธ์ตรงใจและมีประสิทธิภาพมากที่สุด